ข้อกำหนดและเงื่อนไขของ ALEPH
ข้อ 1 คำนิยาม.
1.1. “การโฆษณา" หมายถึงแคมเปญโฆษณาที่จัดทำโดยลูกค้าเพื่อส่งเสริมแบรนด์และ/หรือบริการของตน หรืออาจรวมถึง แบรนด์และ/หรือบริการ ของ ผู้โฆษณาปลายทาง
1.2. “บัญชีการโฆษณา” หรือ “บัญชีโฆษณา” เมื่อใช้ได้กับแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้อง หมายถึงบัญชีที่ Aleph กำหนดให้กับลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มดังกล่าวและจัดการการโฆษณา
1.3. “สื่อโฆษณา” หมายถึง ชิ้นงานสร้างสรรค์ที่ต้องสื่อสารในโฆษณาแต่ละชิ้น
1.4. "สัญญา" หมายถึง สัญญาให้บริการโฆษณาหรือข้อตกลงอื่นใดที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างคู่สัญญาที่อ้างถึงข้อกำหนดและเงื่อนไขของ Aleph นี้ด้วย
1.5. "Aleph" ให้มีความหมายตามที่ระบุไว้ในสัญญา
1.6. "กฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน" ให้มีความหมายตามที่ระบุไว้ในข้อ 9.1.a.
1.7. “กฎหมายต่อต้านกันการทุจริต” ให้มีความหมายตามที่ระบุไว้ในข้อ 9.1.c.
1.8. "ลูกค้า" ให้มีความหมายตามที่ระบุไว้ในสัญญา
1.9. "ข้อมูลลับ" ให้มีความหมายตามที่ระบุไว้ในข้อ 8.2.
1.10. “ พันธมิตรทางการค้า” หมายถึง แต่ละบริษัทที่ได้ว่าจ้าง Aleph (หรือบริษัทในเครือของ Aleph) เป็นตัวแทนทางการค้าอย่างเป็นทางการหรือตัวแทนจำหน่ายในภาคพื้นสำหรับบริการโฆษณาและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับแพลตฟอร์มของพันธมิตรทางการค้าดังกล่าว
1.11. “ชิ้นงาน” หมายถึง รายการโฆษณาที่ส่งมอบโดย Aleph (เช่น ระยะเวลาแสดงผล [impression] คลิก จำนวนผู้มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้า [lead] การติดตั้ง หรือการดำเนินการอื่นๆ)
1.12. “คู่สัญญาผู้เปิดเผยข้อมูล” ให้มีความหมายตามที่ระบุไว้ในข้อ 8.2.
1.13. “วันที่มีผลบังคับใช้" ให้มีความหมายตามที่ระบุไว้ในสัญญา
1.14. "ผู้โฆษณาปลายทาง" หมายถึง ลูกค้าปลายทาง ที่ลูกค้าของลูกค้าที่เป็นตัวแทนสื่อและได้ทำการโฆษณาแทนลูกค้าปลายทางดังกล่าว
1.15. "ฝ่ายที่ได้รับการชดใช้" ให้มีความหมายตามที่ระบุไว้ในข้อ 12.1.
1.16. "ฝ่ายที่ต้องชดใช้" ให้มีความหมายตามที่ระบุไว้ในข้อ 12.1.
1.17. “คำสั่งโฆษณา” หมายถึง เอกสารที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายลงนามเพื่อวัตถุประสงค์ในการลงโฆษณาบนแพลตฟอร์ม โดยขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มที่ลูกค้ามีคำสั่งให้ลงโฆษณา Aleph จะพิจารณาว่าจำเป็นต้องใช้คำสั่งโฆษณาหรือไม่ และหากจำเป็น จะมีการใช้ฟอร์มการลงโฆษณาสำหรับวัตถุประสงค์ดังกล่าว และคำสั่งโฆษณาอาจประกอบไปด้วยแผนการจัดการสื่อซึ่งรวมถึงข้อมูลที่จำเป็นสำหรับแคมเปญโฆษณาแต่ละแคมเปญ
1.18. “สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา" หมายถึง สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาหรือสิทธิในทรัพย์สินทางอุตสาหกรรมใดๆ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ การออกแบบ เครื่องหมายการค้า ชื่อทางการค้า เครื่องหมายการค้าภายนอก แบบจำลอง ชื่อโดเมนอินเทอร์เน็ต หรือคำขอจดทะเบียนสิทธิใดๆ เหล่านี้ ไม่ว่าจะได้รับการจดทะเบียนแล้วหรือยังไม่ได้จดทะเบียนก็ตาม
1.19. “แพลตฟอร์มที่มีการจัดการให้” หมายถึง แพลตฟอร์มที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะต้องดำเนินการตามคำสั่งโฆษณา และ/หรือ แผนการโฆษณาสำหรับการโฆษณาแต่ละรายการ
1.20. "ตัวแทนสื่อ" หมายถึง บุคคลภายนอกที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ที่อาจได้รับการแต่งตั้งจาก
ผู้โฆษณาปลายทางเพื่อลงโฆษณาในนามของผู้โฆษณาปลายทางนั้น
1.21. “มูลค่าการใช้สื่อ” หมายถึง มูลค่ารวมของการโฆษณาที่ซื้อโดยลูกค้าในช่วงเวลาใดๆ โดยคำนวณเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว และบัญชีโฆษณาของลูกค้าทั้งหมดในแพลตฟอร์มที่ใช้ได้ และอาจคำนวณจากเป็นสกุลเงินหลักที่ตกลงกัน
1.22. "คู่สัญญา" หรือ "คู่สัญญาทั้งสองฝ่าย" ให้มีความหมายตามที่ระบุไว้ในสัญญา
1.23. “แพลตฟอร์ม” ให้มีความหมายตามที่ระบุไว้ในสัญญา
1.24. "นโยบายแพลตฟอร์ม" ให้มีความหมายตามที่ระบุไว้ในสัญญา
1.25. "คู่สัญญาผู้รับข้อมูล" ให้มีความหมายตามที่ระบุไว้ในข้อ 8.2.
1.26. "การคว่ำบาตร" ให้มีความหมายตามที่ระบุไว้ในข้อ 9.1.b.
1.27. “แพลตฟอร์มที่ต้องดำเนินการด้วยตนเอง” หมายถึง แพลตฟอร์มที่ลูกค้าจะต้องมีบัญชีโฆษณาเพื่อจัดการและวางแผนการโฆษณาและดำเนินกิจกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแคมเปญและการจัดการการโฆษณา ซึ่งหมายถึงการวางแผนและการดำเนินการซื้อพื้นที่โฆษณาบนแพลตฟอร์ม และจัดทำการวิเคราะห์และรายงานด้วยตนเอง
1.28. “ภาคพื้น” ให้มีความหมายตามที่ระบุไว้ในสัญญา
ข้อ 2 – วัตถุประสงค์ และขั้นตอนการลงโฆษณา
2.1. ลูกค้ามีสิทธิ์ที่จะลงโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่างๆ และในการนี้ Aleph จะกำหนดและแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตามในการกำหนดคำสั่งโฆษณาบนแต่ละแพลตฟอร์ม ซึ่ง Aleph อาจใช้ดุลพินิจในการกำหนดรายละเอียดไว้ในข้อสัญญาฉบับนี้ ทั้งนี้ ลูกค้าจะได้รับแจ้งให้ทราบถึงขั้นตอนที่เกี่ยวข้องก่อนเริ่มแคมเปญแรกในแต่ละแพลตฟอร์ม
2.1.1. บัญชีโฆษณา สำหรับแพลตฟอร์มที่ต้องดำเนินการด้วยตนเอง Aleph จะกำหนดบัญชีโฆษณาให้กับลูกค้า โดยลูกค้าสามารถสั่งซื้อและจัดการโฆษณาบนแพลตฟอร์มได้โดยตรงผ่านบัญชีโฆษณา ในการลงโฆษณา ลูกค้าจะต้องอัปโหลดสื่อโฆษณาไปยังแพลตฟอร์มผ่านบัญชีโฆษณา ลูกค้าจะต้องรับผิดชอบต่อธุรกรรมทั้งหมดที่ดำเนินการด้วยบัญชีโฆษณา ดังนั้น ลูกค้าจึงตกลงที่จะรักษาความลับของรหัสผ่านและปิดการเข้าถึงโดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้บัญชีโฆษณาอีกต่อไป
2.1.2. หากลูกค้าสั่งซื้อโฆษณาโดยใช้บัญชีโฆษณา ลูกค้าจะต้องชำระเงินค่าโฆษณาที่แจ้งโดยแพลตฟอร์มแต่ละแห่ง โดยที่บันทึกของแพลตฟอร์มจะถือเป็นหลักฐานที่แสดงถึงการลงโฆษณาและมูลค่าที่ลูกค้าต้องชำระในการลงโฆษณานั้น และลูกค้าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการบนบัญชีโฆษณา โดยรวมถึงค่าโฆษณาที่รายงานโดยแพลตฟอร์มแต่ละแห่งที่มีการใช้งานไปด้วย นอกจากนี้ ลูกค้าจะต้องร้องขอบันทึกและรายงานต่างๆ จากแพลตฟอร์มโดยตรงผ่านบัญชีโฆษณาของลูกค้าโดยไม่ต้องดำเนินการขอจาก Aleph และในลักษณะเดียวกัน ลูกค้ารับทราบและยอมรับว่าบันทึกและรายงานของแต่ละแพลตฟอร์มเป็นข้อมูลทั้งหมดที่ Aleph มีเพื่อวัตถุประสงค์ในการออกใบแจ้งหนี้
2.1.3. คำสั่งโฆษณา: ในการโฆษณาบนแพลตฟอร์มที่มีการจัดการให้ลูกค้าจะต้องมีการออกคำสั่งโฆษณา ในเอกสารคำสั่งโฆษณาแต่ละฉบับจะต้องระบุถึงชิ้นงาน มูลค่าสูงสุดที่ลูกค้าได้ชำระเข้ามา (งบประมาณของแคมเปญ) วันที่เริ่มต้นและสิ้นสุด รูปแบบโฆษณา และรายการอื่น ๆ ที่ตกลงกันโดยคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย เพื่อให้คำสั่งโฆษณามีผล รายละเอียดจะต้องเป็นไปตามรายการราคาเป็นทางการของแพลตฟอร์ม และประกาศและอนุมัติโดย Aleph (ซึ่งอาจดำเนินการได้ทางอีเมล) หากลูกค้าร้องขอให้มีการแก้ไขคำสั่งโฆษณาใดๆ ที่ได้รับการอนุมัติแล้ว จะต้องให้ Aleph ทำการอนุมัติเพิ่มเติมอีกครั้ง เมื่อ Aleph ตกลงที่จะอนุมัติการแก้ไขดังกล่าว ลูกค้าจะต้องชำระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นจริงจากการแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าว เช่นนี้ อาจมีการขยายเวลาวันเริ่มโฆษณาที่กำหนดไว้แต่เดิมออกไปได้ และเพื่อดำเนินการในการโฆษณา ลูกค้าจะต้องส่งสื่อโฆษณาให้แก่ Aleph ด้วย
2.1.4. ลูกค้าจะต้องดำเนินการตามรายละเอียดการโฆษณาก่อนถึงวันที่กำหนดที่ระะบุไว้ในคำสั่งโฆษณา ในกรณีที่ลูกค้าไม่ได้ดำเนินการโฆษณาตามกำหนดระยะเวลาที่ระบุไว้และได้ชำระเงินล่วงหน้าไว้แล้ว Aleph จะคืนมูลค่าดังกล่าวให้แก่ลูกค้าในสกุลเงินเดียวกับที่ได้ชำระเงินโดยไม่มีดอกเบี้ยใดๆ ในการนี้ ลูกค้ารับทราบว่า Aleph ไม่ได้ให้บริการทางการเงิน ดังนั้น จำนวนเงินที่ลูกค้าชำระจะไม่ก่อให้เกิดดอกเบี้ยหรือก่อให้เกิดภาระผูกพันที่อาจเปลี่ยนเป็นเงินมัดจำได้ นอกจากนี้ หากระยะเวลาการลงโฆษณาผ่านไปมากกว่าหนึ่งปีนับจากวันที่กำหนดไว้ในคำสั่งโฆษณา และลูกค้าไม่ได้ดำเนินการโฆษณาหรือขอคืนเงินที่ได้ชำระไว้ล่วงหน้า ลูกค้าจะเสียสิทธิ์ในการขอคืนเงินที่ชำระไว้ล่วงหน้าดังกล่าว
2.1.5. Aleph มีสิทธิ์ที่จะยกเลิกคำสั่งโฆษณาที่ผ่านการอนุมัติแล้วโดยไม่ต้องระบุเหตุแห่งการยกเลิกได้ โดยแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 5 (ห้า) วันทำการ ในกรณีดังกล่าว Aleph จะคืนเงินส่วนที่ได้รับจากการโฆษณาที่ไม่ได้ดำเนินการให้กับลูกค้า
2.2. ลูกค้าเข้าใจและยอมรับว่าเมื่อแพลตฟอร์มรายงานโฆษณาที่จัดส่งไปยัง Aleph โดยแยกตามแคมเปญ Aleph จะส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังลูกค้าโดยมีรายละเอียดในระดับเดียวกับที่แพลตฟอร์มให้ไว้ อย่างไรก็ตาม เมื่อแพลตฟอร์มรายงานเฉพาะโฆษณาที่จัดส่งเป็นรายเดือนต่อบัญชีลูกค้าและไม่ได้แยกข้อมูลต่อแคมเปญ Aleph จะออกใบแจ้งหนี้สำหรับโฆษณาที่จัดส่งไปยังลูกค้าด้วยวิธีเดียวกัน กล่าวคือ ไม่ออกใบแจ้งหนี้แยกรายการแคมเปญให้แก่ลูกค้า นอกจากนี้ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงว่าความเป็นไปได้ในการออกใบแจ้งหนี้แยกรายการแคมเปญจะขึ้นอยู่กับรายละเอียดที่แพลตฟอร์มส่งให้เท่านั้น และข้อกำหนดข้างต้นอาจไม่เป็นไปตามรายละเอียดเอกสารคำสั่งซื้อที่ลูกค้ามีการออกมา
2.3. หากลูกค้าเป็นตัวแทนสื่อที่ลงโฆษณาในนามของผู้โฆษณาปลายทาง ตัวแทนสื่อจะต้องส่งข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดเกี่ยวกับผู้โฆษณาปลายทางให้กับ Aleph (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ชื่อนิติบุคคลของผู้โฆษณาปลายทาง ประเทศที่จดทะเบียน หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี และรายละเอียดการติดต่อ) Aleph จะกำหนดและแจ้งให้ลูกค้าทราบว่าควรให้ข้อมูลของผู้โฆษณาปลายทางอย่างไรบ้าง Aleph อาจปฏิเสธที่จะให้บริการหากเชื่อได้อย่างสมเหตุสมผลว่าการร่วมมือกับผู้ลงโฆษณาอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงหรือความเสียหายอื่น ๆ แก่ Aleph หรือเจ้าของแพลตฟอร์มใด ๆ นอกจากนี้ หากตัวแทนสื่อมีบัญชีโฆษณาในนามของผู้โฆษณาปลายทาง ตัวแทนสื่อจะต้องให้สิทธิ์การเข้าถึงบัญชีโฆษณาดังกล่าวแก่ผู้ลงโฆษณาปลายทาง
ข้อ 3 – นโยบายแพลตฟอร์ม
3.1. ลูกค้ารับรองและรับประกันว่าในการลงโฆษณาบนแพลตฟอร์ม ลูกค้าจะต้องยอมรับและปฏิบัติตามนโยบายแพลตฟอร์ม ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง: (i) นโยบายเนื้อหาที่บังคับใช้กับสื่อโฆษณาและผลิตภัณฑ์และบริการที่กำลังมีการโฆษณา และ (ii) เงื่อนไขการยกเลิกและค่าธรรมเนียมที่บังคับใช้สำหรับการโฆษณาแต่ละประเภท สื่อโฆษณาอาจถูกปฏิเสธตามดุลยพินิจของ Aleph หรือพันธมิตรทางการค้าในกรณีที่ไม่เป็นไปตามนโยบายแพลตฟอร์ม อย่างไรก็ตาม ลูกค้าจะต้องเป็นผู้ทำการตรวจสอบนโยบายแพลตฟอร์มของแต่ละแพลตฟอร์มที่สั่งลงโฆษณาด้วยตนเอง ก่อนที่จะส่งสื่อโฆษณาให้ Aleph หรืออัปโหลดไปยังแพลตฟอร์มผ่านบัญชีโฆษณา ตามกรณี โดยการส่งสื่อโฆษณาเพื่อเผยแพร่ ไม่ว่าจะผ่าน Aleph หรืออัปโหลดโดยตรงผ่านบัญชีโฆษณา ลูกค้ารับรองและรับประกันต่อ Aleph ว่า (i) ลูกค้าได้ตรวจสอบนโยบายแพลตฟอร์มของแพลตฟอร์มที่แคมเปญจะดำเนินไปอย่างถี่ถ้วนแล้ว และ (ii) สื่อโฆษณา รวมถึงเว็บไซต์ใดๆ ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านลิงก์ในสื่อโฆษณาเป็นไปตามนโยบายแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องทุกเมื่อ
3.2. ลูกค้ารับรองและรับประกันว่าพันธมิตรทางการค้าอาจแก้ไขนโยบายแพลตฟอร์มตามดุลยพินิจเป็นครั้งคราวได้ โดยลูกค้าจะต้องปฏิบัติตามนโยบายที่มีผลบังคับใช้ในขณะที่ลงโฆษณา และเข้าตรวจสอบนโยบายแพลตฟอร์มด้วยตนเองเป็นระยะๆ
3.3. ลูกค้าต้องรับผิดชอบต่อ Aleph และแพลตฟอร์มสำหรับสื่อโฆษณาทั้งหมด (รวมถึงเนื้อหาของสื่อโฆษณาและเว็บไซต์ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านลิงก์ในสื่อโฆษณา) ที่อัปโหลดไปยังแพลตฟอร์มผ่านบัญชีโฆษณา ความรับผิดชอบของลูกค้าภายใต้สัญญานี้จะไม่มีผลกระทบต่อสิทธิการตรวจสอบสื่อโฆษณาที่ Aleph อาจดำเนินการต่างหากเป็นการเฉพาะ
ข้อ 4 – ราคา และ การชำระราคา
4.1 Aleph จะกำหนดและแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงวิธีการชำระเงินสำหรับการโฆษณาที่สั่งบนแต่ละแพลตฟอร์ม ซึ่งอาจเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ โดยเป็นไปตามที่ Aleph เป็นผู้กำหนด
4.1.1 การชำระเงินล่วงหน้า การชำระเงินตามใบแจ้งหนี้ถือเป็นเงื่อนไขบังคับก่อน ในการเผยแพร่โฆษณา ซึ่ง Aleph จะไม่รับผิดชอบต่อความล่าช้าในการเผยแพร่โฆษณาอันเนื่องมาจากการชำระเงินล่าช้าตามคำสั่งชำระเงินหรือใบแจ้งหนี้ (แล้วแต่กรณี)
4.1.2 การชำระเงินภายหลังหรือการให้เครดิต หาก Aleph อนุญาต ลูกค้าจะมีสิทธิ์สั่งลงโฆษณาโดยใช้เครดิตตามจำนวนที่ Aleph แจ้งให้ลูกค้าทราบ หากลูกค้าต้องการลงโฆษณาในมูลค่าที่สูงกว่าเครดิตที่ได้รับ ลูกค้าจะต้องสั่งโฆษณาตามวิธีการชำระเงินล่วงหน้าที่ระบุไว้ข้างต้น การพิจารณาให้เครดิตของลูกค้าขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ Aleph ดังนั้น อาจมีการเพิกถอนเครดิตได้ทุกเมื่อ รวมถึงการ ขยายหรือลดวงเงินเครดิต และกำหนดเงื่อนไขการการวิเคราะห์ความเสี่ยงเครดิต และ/หรือ เรียกหลักประกันเพิ่มเติมจากลูกค้าเพื่อให้มีการให้เครดิตดังกล่าวไว้
4.2 ไม่ว่าในกรณีใด Aleph จะออกใบแจ้งหนี้สำหรับค่าโฆษณาที่ลูกค้าได้มีคำสั่ง ซึ่งรวมจำนวนภาษีที่เกี่ยวข้อง โดยลูกค้าจะต้องชำระเงินตามใบแจ้งหนี้โดยโอนเงินเข้าบัญชีที่ Aleph แจ้งไว้
4.3 จะมีการออกใบแจ้งหนี้เป็นสกุลเงินที่ระบุในตารางข้อมูล (Information Table) หรือในคำสั่งลงโฆษณา แต่หากไม่ได้ระบุไว้ ให้ใช้สกุลเงินท้องถิ่นที่ ลูกค้าจะต้องชำระเงินใบแจ้งหนี้ด้วยสกุลเงินดังกล่าว หากจำเป็นต้องแปลงจำนวนเงินใดๆ เป็นเงินสกุลเงินท้องถิ่นเพื่อวัตถุประสงค์ในการออกใบแจ้งหนี้ Aleph จะดำเนินการแปลงโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ Aleph แจ้งให้ลูกค้าทราบ
4.4 ลูกค้าจะต้องทำการปฏิเสธใบแจ้งหนี้ภายในระยะเวลาห้า (5) วันทำการหลังจากที่ได้รับใบแจ้งหนี้ พร้อมทั้งแจ้งเหตุแห่งการปฏิเสธดังกล่าวด้วย หากลูกค้าไม่ปฏิเสธหรือโต้แย้งใบแจ้งหนี้ภายในระยะเวลาดังกล่าว ถือว่าลูกค้ายอมรับใบแจ้งหนี้แล้ว หากโต้แย้งใบแจ้งหนี้บางส่วน ลูกค้าจะต้องชำระเงินส่วนที่ไม่มีการโต้แย้งในใบแจ้งหนี้ในระหว่างที่มีการแก้ไขข้อโต้แย้ง
4.5 เว้นแต่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น จะต้องมีการชำระเงินตามใบแจ้งหนี้ทุกรายการก่อนวันครบกำหนด และจะต้องไม่เกิน 30 (สามสิบ) วันนับจากวันที่ออกใบแจ้งหนี้ ให้ถือว่ามีการผิดนัดชำระเกิดขึ้นอัตโนมัติเมื่อสิ้นสุดวันครบกำหนดชำระ โดยไม่จำเป็นต้องมีการแจ้งเพิ่มเติมจาก Aleph และในกรณีมีการผิดนัด Aleph ขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกร้องดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต นอกจากนี้ Aleph อาจหักกลบหนี้กับจำนวนเงินที่ลูกค้าต้องชำระด้วยจำนวนเงินที่ Aleph ต้องจ่ายให้กับลูกค้าภายใต้สัญญานี้หรือข้อตกลงอื่นใด
4.6 คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจะต้องรับผิดชอบในการชำระภาษี ค่าธรรมเนียม และค่าบริการใดๆ ที่กฎหมายกำหนดให้กับฝ่ายดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวกับธุรกรรมและการชำระเงินภายใต้ข้อตกลงนี้ หากลูกค้าจำเป็นต้องหักภาษีตามกฎหมายเมื่อชำระหนี้ ลูกค้าจะต้องส่งหลักฐานการหักภาษีและ/หรือเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้กับ Aleph ภายใน10 (สิบ) วันนับจากวันที่ชำระเงิน
ข้อ 5 – การรับประกันและการรับรอง
5.1. คู่สัญญาแต่ละฝ่ายรับรองและรับประกันต่อคู่สัญญาอีกฝ่ายว่า
a) เป็นบริษัทที่มีการจัดการถูกต้องและดำเนินกิจการอยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
b) มีสิทธิ อำนาจ และสิทธิตามกฎหมายในการทำสัญญานี้และมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามภาระผูกพันภายใต้สัญญานี้
c) ข้อมูลที่ส่งไปยังคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งจะต้องสมบูรณ์ ถูกต้อง และเป็นปัจจุบัน
d) จะต้องปฏิบัติตามภาระผูกพันให้เป็นไปตามสัญญาฉบับนี้และกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
e) คู่สัญญา หรือ กรรมการ และ/หรือ เจ้าของ ไม่เคยถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกง ฟอกเงิน หรือถูกดำเนินคดีทางอาญาหรือทางรัฐบาล/หน่วยงานกำกับดูแล หรือถูกดำเนินคดีทางบังคับใช้กฎหมายในอดีตหรือปัจจุบัน.
5.2. นอกจากนี้ ลูกค้ารับรองและรับประกันต่อ Aleph ว่า
a) ลูกค้า (หรือผู้โฆษณาปลายทาง (ถ้ามี)) จะรับผิดชอบด้วยตนเอง ต่อบริการและผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอผ่านสื่อโฆษณาของลูกค้าตามที่เผยแพร่บนแพลตฟอร์มใดๆ และต่อเว็บไซต์
แอปพลิเคชัน หรือจุดหมายปลายทางอื่นใดที่สื่อโฆษณาดังกล่าวส่งไปยังผู้ใช้ปลายทางของแพลตฟอร์ม
ข้อ 6 – กำหนดเวลาแห่งสัญญา และการเลิกสัญญา
6.1. ให้สัญญานี้มีอายุ 12 (สิบสอง) เดือนนับตั้งแต่วันที่มีผลบังคับใช้ และให้ระยะเวลาแห่งสัญญานี้ต่ออายุโดยอัตโนมัติเพิ่มเติมเรื่อยไปอีกคราวละ 12 (สิบสอง) เดือน เว้นแต่คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะแจ้งให้คู่สัญญาฝ่ายอีกฝ่ายทราบถึงความตั้งใจที่จะไม่ต่ออายุหรือยกเลิกสัญญาฉบับนี้ตามที่ระบุไว้ในข้อถัดไป
6.2. คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถยกเลิกหรือไม่ต่ออายุสัญญานี้ได้ตามที่ประสงค์โดยแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังคู่สัญญาอีกฝ่ายอย่างน้อย 30 (สามสิบ) วันปฏิทินก่อนวันที่ไม่ต่ออายุหรือยกเลิกจะมีผล
6.3. นอกจากนี้คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจบอกเลิกสัญญาอันเนื่องมาจากเหตุจากคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง หาก
a) คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งละเมิดข้อสัญญาใดๆ ตามสัญญานี้และไม่สามารถแก้ไขการละเมิดดังกล่าวได้ภายใน 10 (สิบ) วันปฏิทินนับจากวันที่การได้รับแจ้งมีผล หรือ
b) คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งล้มละลายหรือถูกประกาศล้มละลาย ทำข้อตกลงกับเจ้าหนี้ เข้าสู่กระบวนการชำระบัญชีหรือการยุบเลิก ล้มละลาย หยุดกิจการหรือคุกคามที่จะยุติการดำเนินธุรกิจ หรือสูญเสียการควบคุมสินทรัพย์ส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะโดยการแต่งตั้งผู้รับมอบอำนาจหรือวิธีอื่นใดก็ตาม
6.4. ให้ Aleph บอกเลิกสัญญานี้ทั้งหมดหรือบางส่วนสำหรับแพลตฟอร์มใดๆ ก็ได้ ทั้งนี้ การบอกเลิกอาจมีผลทันที (i) หาก Aleph ยกเลิกการเป็นพันธมิตรหรือตัวแทนจำหน่ายของแพลตฟอร์มดังกล่าวแล้ว หรือ (ii) หากแพลตฟอร์มใดๆ ร้องขอให้มีการยกเลิกสัญญาฉบับนี้
6.5. ในกรณีที่สัญญานี้สิ้นสุดลงหรือมีการบอกเลิกก่อนกำหนด Aleph จะระงับโฆษณาทั้งหมดของลูกค้าทันที นอกจากนี้ หากมีคำสั่งโฆษณาใดยังมิได้มีการดำเนินการ ให้ถือเป็นการยกเลิกคำสั่งโฆษณาดังกล่าวโดยอัตโนมัติ และการเข้าถึงบัญชีโฆษณาของลูกค้าจะถูกปิดใช้งาน
6.6. บรรดาใบแจ้งหนี้ทั้งหมดที่ลูกค้ายังค้างชำระต่อ Aleph อยู่ ณ วันสิ้นสุดอายุหรือวันที่บอกเลิกสัญญาก่อนกำหนดให้ถือเป็นอันถึงกำหนดชำระทั้งสิ้น หากลูกค้าชำระเงินล่วงหน้าให้กับ Aleph สำหรับการโฆษณาที่ยังมิได้ดำเนินการ ให้ Aleph คืนเงินที่ยังคงเหลือให้แก่ลูกค้าภายใน 30 (สามสิบ) วันนับจากวันที่ออกใบลดหนี้หรือเอกสารทางการเงินอื่นที่ใช้แทนกันได้ ทั้งนี้ ไม่ถือเป็นการตัดสิทธิของ Aleph ในการจะได้รับการชดเชยใดๆ ตามข้อ 4.5 แห่งสัญญานี้
6.7. ให้สิทธิและภาระผูกพันที่ระบุไว้ในข้อ 6.5, 6.6, 8, 10, 11, 12 และ 14 จะยังคงมีผลต่อไปแม้ว่าสัญญานี้จะหมดอายุหรือระงับลงก่อนกำหนดก็ตาม
ข้อ 7 – ทรัพย์สินทางปัญญา
7.1. คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายรับทราบและยอมรับว่าเครื่องหมายการค้าและแบรนด์ของแพลตฟอร์มแต่ละแห่งเป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของบุคคลที่สาม ดังนั้น ลูกค้าจะไม่ใช้เครื่องหมายการค้าและแบรนด์ดังกล่าว ยกเว้นตามที่ระบุไว้โดยชัดแจ้งในสัญญาฉบับนี้
7.2. ลูกค้ารับรองและรับประกันต่อ Aleph ว่าสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาทั้งหมดที่มีอยู่ในสื่อโฆษณาเป็นของลูกค้า หรือหากลูกค้าเป็นตัวแทนสื่อ ลูกค้าจะได้รับอนุญาตจากผู้ลงโฆษณาปลายทางให้ใช้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาในขอบเขตที่กำหนดไว้ในสัญญาฉบับนี้และในเอกสารสั่งโฆษณาแต่ละฉบับ หากจำเป็น ลูกค้าจะให้สิทธิ์ในการใช้สื่อโฆษณาแก่ Aleph และ/หรือพันธมิตรทางการค้าแต่ละราย ตามกรณี ในการดำเนินการโฆษณาตามสัญญาเท่านั้น
7.3. ลูกค้ารับรองและรับประกันต่อ Aleph ว่าสื่อโฆษณาและเว็บไซต์ใดๆ ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านลิงก์ในสื่อโฆษณาจะไม่ละเมิดหรือฝ่าฝืน: (i) กฎหมายที่บังคับใช้หรือสิทธิของบุคคลที่สาม หรือ (ii) นโยบายแพลตฟอร์มใด ๆ
ข้อ 8 – การรักษาความลับ
8.1. หากมีข้อตกลงการรักษาความลับที่บังคับใช้ระหว่างคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย ให้ถือว่าคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายได้ทำการให้สัตยาบันในเงื่อนไขทั้งหมดและตกลงที่จะปฏิบัติตามภาระผูกพันที่ระบุไว้ในข้อตกลงการรักษาความลับนั้น
8.2. ในกรณีที่ไม่มีข้อตกลงการรักษาความลับระหว่างคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย ให้บรรดาข้อมูลทั้งหมด อันเกี่ยวข้องกับบริการและเปิดเผยก่อนหรือหลังวันที่ทำสัญญา เพื่อวัตถุประสงค์ของสัญญานี้ และ/หรือ ข้อมูลใดที่มีการเปิดเผยโดยคู่สัญญาหรือบริษัทในเครือฝ่ายหนึ่ง ("คู่สัญญาฝ่ายเปิดเผยข้อมูล") ที่สามารเข้าถึงได้โดยคู่สัญญาหรือบริษัทในเครือของคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง ("คู่สัญญาฝ่ายรับข้อมูล") โดยข้อมูลทั้งหมดนี้ถือว่าเป็น “ข้อมูลลับ” เป็นต้นว่า คำว่า "ข้อมูลลับ" รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียง ข้อมูลทางการเงินและการคาดการณ์ แผนการตลาด สัญญา ความลับทางการค้า ความรู้ความชำนาญ งบประมาณ แผนธุรกิจ การวิเคราะห์ การรวบรวม การออกแบบ และข้อมูลการพัฒนา การศึกษา และเอกสารอื่นๆ ที่จัดทำโดยที่ปรึกษากฎหมาย นักบัญชี หรือที่ปรึกษาอื่นๆ ตลอดจนข้อมูลอื่นๆ ที่คู่สัญญาฝ่ายเปิดเผยข้อมูลแจ้งว่าเป็นความลับหรือควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นความลับเนื่องจากเนื้อหาหรือบริบทที่มีการแบ่งปัน ในการนี้ ข้อมูลลับหมายถึงข้อมูลที่จัดเก็บในรูปแบบทางกายภาพหรือดิจิทัล
8.3. ข้อมูลลับทั้งหมดที่คู่สัญญาฝ่ายรับข้อมูลได้รับไปจะต้องมีการเก็บไว้เป็นความลับอย่างเคร่งครัด เว้นแต่มีการระบุไว้เป็นอย่างอื่นตามสัญญาฉบับนี้ คู่สัญญาฝ่ายรับข้อมูลตกลงที่จะใช้การควบคุม ปกป้อง และป้องกันในการจัดการข้อมูลลับอย่างน้อยเทียบเท่ากับที่ใช้ในการจัดการข้อมูลของตนเอง ในทำนองเดียวกัน คู่สัญญาฝ่ายรับข้อมูลตกลงที่จะไม่ใช้ข้อมูลลับเพื่อจุดประสงค์อื่นใดนอกเหนือจากการวิเคราะห์ ประเมิน และพัฒนาบริการ
8.4. คู่สัญญาฝ่ายรับจะต้องรับผิดชอบต่อการปฏิบัติตามภาระผูกพันภายใต้ข้อ 8 นี้ โดยรวมถึงการปฏิบัติตามภาระผูกพันโดยพนักงาน และบริษัทในเครือและพนักงานของบริษัทเหล่านั้นด้วย
8.5. ข้อมูลดังต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นข้อมูลลับ หาก
a) ได้กลายเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปโดยที่ไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลโดยคู่สัญญาฝ่ายรับข้อมูลหรือ
b) คู่สัญญาฝ่ายรับข้อมูลได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวมาจากบุคคลที่สามที่มิได้เข้าผูกพันในภาระการรักษาความลับต่อคู่สัญญาฝ่ายเปิดเผยข้อมูล
8.6. คู่สัญญาฝ่ายรับข้อมูลมีสิทธิที่จะเปิดเผยข้อมูลลับเมื่อจำเป็นต้องเปิดเผยตามคำสั่งศาลหรือคำสั่งของหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีสิทธิ์ร้องขอการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ในกรณีดังกล่าว คู่สัญญาฝ่ายรับข้อมูลจะต้องแจ้งให้คู่สัญญาฝ่ายเปิดเผยข้อมูลทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับคำขอให้เปิดเผยข้อมูลลับดังกล่าวโดยเร็วที่สุด ซึ่งการแจ้งดังกล่าวถือเป็นเงื่อนไขบังคับก่อนสำหรับคู่สัญญาฝ่ายรับข้อมูลในดำเนินการตามคำขอและเปิดเผยข้อมูลลับ คู่สัญญาฝ่ายรับข้อมูลตกลงที่จะให้ข้อมูลลับเฉพาะส่วนที่หน่วยงานที่มีอำนาจกำหนดอย่างชัดแจ้งเท่านั้น และให้ความร่วมมือกับคู่สัญญาฝ่ายเปิดเผยข้อมูลในทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิของคู่สัญญาฝ่ายเปิดเผยข้อมูล
8.7. คู่สัญญาฝ่ายรับข้อมูลได้รับอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลลับแก่พนักงานของตนเมื่อการเปิดเผยดังกล่าวมีความจำเป็นต่อการให้บริการหรือการรับบริการ ในกรณีดังกล่าว คู่สัญญาฝ่ายรับข้อมูลจะต้องแจ้งให้ผู้ที่รับข้อมูลลับทราบภาระผูกพันในข้อลับดังกล่าว และดำเนินการให้ผู้รับข้อมูลดังกล่าวดำเนินการรักษาความลับและเข้าผูกพันตามข้อกำหนดของข้อสัญญานี้ด้วย ในการนี้ คู่สัญญาฝ่ายรับข้อมูลจะต้องรับผิดชอบต่อการละเมิดข้อผูกพันด้านความลับอันเกิดจากพนักงานของของตนด้วย
8.8. ให้ Aleph ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลลับที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มบางแห่งเมื่อพันธมิตรทางการค้าดังกล่าวร้องขอ หรือเมื่อ Aleph พิจารณาโดยสมควรว่าการเปิดเผยข้อมูลนั้นจำเป็นต่อการปกป้องผลประโยชน์ของ Aleph ในกรณีดังกล่าว Aleph จะต้องแจ้งให้พันธมิตรทางการค้าทราบถึงภาระผูกพันในข้อมูลลับดังกล่าวและดำเนินการให้พันธมิตรทางการค้าดำเนินการรักษาความลับข้อกำหนดของข้อสัญญานี้ด้วย
8.9. ข้อมูลลับถือเป็นทรัพย์สินของคู่สัญญาฝ่ายที่เปิดเผยข้อมูล ซึ่งอาจร้องขอให้ทำลายข้อมูลลับได้ทุกเมื่อโดยแจ้งคำขอดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังคู่สัญญาฝ่ายที่รับข้อมูล ในกรณีดังกล่าว สำเนาข้อมูลลับทั้งในรูปแบบกายภาพและดิจิทัลทั้งหมดจะต้องถูกทำลายโดยคู่สัญญาฝ่ายรับข้อมูลโดยทันที และคู่สัญญาฝ่ายรับข้อมูลจะต้องยืนยันการทำลายข้อมูลลับเป็นลายลักษณ์อักษรให้คู่สัญญาฝ่ายที่เปิดเผยข้อมูลทราบ และให้บรรดาข้อมูลลับใดๆ ที่สื่อสารด้วยวาจาจะยังคงอยู่ภายใต้เงื่อนไขการรักษาความลับของสัญญาฉบับนี้ด้วย
8.10. ข้อผูกพันการรักษาความลับที่ระบุไว้ในสัญญานี้จะยังคงมีผลบังคับใช้จนกว่าสัญญาฉบับนี้จะสิ้นสุดลงหรือมีการบอกเลิกก่อนกำหนด และเป็นระยะเวลา 5 (ห้า) ปีหลังจากการสิ้นสุดลงหรือมีการบอกเลิกก่อนกำหนดดังกล่าว
ข้อ 9 – การดำเนินการตามข้อกำหนดกฎเกณฑ์
9.1. คู่สัญญาแต่ละฝ่ายรับรองและรับประกันต่อคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งว่าในการปฏิบัติหน้าที่ตามภาระผูกพันภายใต้สัญญานี้ จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และทำให้พนักงาน ผู้รับเหมา และบุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ทำงานให้หรือในนามของคู่สัญญาฝ่ายนั้นปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะข้อบังคับต่อไปนี้
a) ระเบียบที่เกี่ยวกับการต่อต้านการฟอกเงินทั้งหมด (“กฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน”)
b) มาตรการคว่ำบาตรทางการค้า เศรษฐกิจ และ/หรือการเงินที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่บังคับใช้ในระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค และ/หรือระดับนานาชาติ (“การคว่ำบาตร”) รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะมาตรการคว่ำบาตรที่บริหารและบังคับใช้โดยสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และ/หรือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
c) กฎหมายต่อต้านการทุจริตที่บังคับใช้ทั้งหมด รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง กฎหมายการปฏิบัติการทุจริตในต่างประเทศ (Foreign Corrupt Practices Act) ของสหรัฐอเมริกา กฎหมายต่อต้านการติดสินบน (Bribery Act) ของสหราชอาณาจักร และกฎหมายคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสการทุจริตของสภาพยุโรป (Whistleblower Protection Directive) (ทั้งหมดเรียกว่า “กฎหมายต่อต้านการทุจริต”).
9.2. หากคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละเมิดข้อผูกพันใดๆ ในที่นี้หรือไม่สามารถปฏิบัติตามได้ด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม คู่สัญญาฝ่ายนั้นจะต้องแจ้งให้คู่สัญญาฝ่ายอีกฝ่ายทราบโดยทันที
9.3. นอกจากนี้ คู่สัญญาแต่ละฝ่ายรับรองและรับประกันว่า: (i) จะไม่เพิกเฉยต่อการติดสินบน การทุจริต หรือการฟอกเงินในทุกรูปแบบ (ii) จะดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายและมีจริยธรรมเท่านั้น และ (iii) จะไม่เสนอหรือยอมรับความช่วยเหลือที่ผิดกฎหมายใดๆ ด้วยเจตนาที่จะได้รับการปฏิบัติที่เอื้ออำนวยและ/หรือได้รับหรือรักษาธุรกิจไว้
9.4. ลูกค้ารับทราบและตกลงว่า Aleph อาจดำเนินการตรวจสอบประวัติของลูกค้าเพื่อพิจารณาว่ามีการปฏิบัติตามกฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน มาตรการคว่ำบาตร และกฎหมายต่อต้านการทุจริตหรือไม่
9.5. การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน การคว่ำบาตร และ/หรือกฎหมายต่อต้านการทุจริต จะทำให้คู่สัญญาฝ่ายที่ไม่ได้ละเมิดมีสิทธิ์ยกเลิกสัญญานี้ด้วยเหตุดังกล่าวโดยไม่ต้องมีการบอกกล่าวล่วงหน้า และไม่มีภาระผูกพันที่จะต้องรรับผิดชอบค่าปรับใดๆ แก่คู่สัญญาฝ่ายที่ละเมิดในการบอกเลิกสัญญาดังกล่าว และการบอกเลิกสัญญาไม่เป็นการตัดสิทธิคู่สัญญาฝ่ายที่มิได้ละเมิดข้อตกลงในการเรียกร้องค่าชดเชยจากความเสียหายที่เกิดจากการละเมิดดังกล่าว
ข้อ 10 – ข้อยกเว้นการรับประกัน
10.1. Aleph ไม่รับประกันไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายเกี่ยวกับบริการที่จัดทำภายใต้สัญญาฉบับนี้ และ/หรือ การบริการที่จัดทำโดยแพลตฟอร์ม รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการรับประกันความสามารถในการขายหรือความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ นอกจากนี้ Aleph ไม่รับประกันว่าบริการของแพลตฟอร์มจะไม่หยุดชะงักหรือปราศจากข้อผิดพลาดใด
10.2. ในลักษณะเดียวกัน Aleph จะไม่รับผิดชอบต่อการหยุดชะงักใดๆ ในการให้บริการ หากการหยุดชะงักดังกล่าวเกิดจากการกระทำหรือการละเว้นของบุคคลที่สามหรือเป็นผลจากการกระทำหรือการละเว้นจากแพลตฟอร์ม
ข้อ 11 – การจำกัดความรับผิด
11.1. Aleph จะไม่รับผิดต่อลูกค้าสำหรับความเสียหายทางอ้อม ความเสียหายโดยบังเอิญ ความเสียหายที่เป็นผลสืบเนื่อง ความเสียหายเชิงลงโทษ หรือความเสียหายพิเศษ (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การสูญเสียผลกำไร การสูญเสียชื่อเสียง การสูญเสียการใช้งาน หรือการสูญเสียข้อมูล) แม้ว่า Aleph จะได้รับแจ้งถึงความเป็นไปได้ของความเสียหายดังกล่าวแล้วก็ตาม ความรับผิดทั้งหมดของ Aleph ภายใต้สัญญาฉบับนี้จะไม่เกินจำนวนเงินรวมที่ลูกค้าได้ชำระหรือต้องชำระให้แก่ Aleph ในช่วง 6 (หก) เดือนก่อนเหตุแห่งการฟ้องร้องที่ก่อให้เกิดการเรียกร้องนี้
ข้อ 12 – การชดใช้
12.1. โดยไม่คำนึงถึงการจำกัดความรับผิดที่ระบุไว้ในข้อ 11 คู่สัญญาแต่ละฝ่าย (ซึ่งเรียกว่า “คู่สัญญาที่ต้องชดใช้”) จะต้องชดใช้และรับผิดแทนคู่สัญญาอีกฝ่าย รวมถึงบริษัทในเครือ ผู้ถือหุ้น เจ้าหน้าที่ กรรมการ พนักงาน และตัวแทนของคู่สัญญาฝ่ายหนึ่ง (ซึ่งแต่ละคนอยู่ในฐานะ “คู่สัญญาฝ่ายที่ได้รับการชดใช้”) ในความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นกับคู่สัญญาฝ่ายที่ได้รับการชดใช้ จากการเรียกร้อง คดีความ หรือการดำเนินคดีใดๆ (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าจ้างทนายความตามสมควร) ซึ่งเกิดจากการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดใดภายใต้สัญญานี้หรือภายใต้กฎหมายที่บังคับใช้โดยคู่สัญญาฝ่ายที่ต้องชดใช้ และ/หรือ บริษัทในเครือ ผู้ถือหุ้น เจ้าหน้าที่ กรรมการ พนักงาน และตัวแทน (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ตัวแทนสื่อของลูกค้า)
12.2. ภาระผูกพันชดใช้ที่ระบุไว้ในสัญญาฉบับนี้จะยังคงมีผลต่อไปแม้ว่าสัญญานี้จะหมดอายุหรือสิ้นสุดลงก่อนกำหนดก็ตาม โดยเป็นไปตามอายุความตามกฎหมาย
ข้อ 13 – กรณีลูกค้าไม่ดำเนินการตามข้อกำหนด
13.1. โดยไม่เป็นการกระทบต่อการเยียวยาใด ที่ Alephอาจได้รับภายใต้สัญญาฉบับนี้และกฎหมายที่บังคับใช้ ในกรณีที่ลูกค้าหรือตัวแทนสื่อของลูกค้าละเมิดข้อกำหนดใด ๆ ภายใต้สัญญานี้ นโยบายแพลตฟอร์ม หรือบทบัญญัติ หรือในกรณีที่ Aleph มีเหตุผลอันสมควรที่จะสันนิษฐานได้ว่าการละเมิดดังกล่าวเกิดขึ้น Aleph จะมีสิทธิ์ที่จะ: (i) ระงับบัญชีโฆษณาของลูกค้าเป็นการชั่วคราวหรือถาวร (ii) ระงับการโฆษณาของลูกค้าที่ทำให้เกิดการละเมิด และ/หรือ (iii) ยึดหน่วงหรือใช้มูลค่าใด ๆ ที่ Aleph ค้างชำระกับลูกค้าเป็นค่าชดเชยสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น และเพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการปกป้องข้อเรียกร้องใด ๆ จากบุคคลที่สาม
ข้อ 14 – การจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
14.1. คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายรับทราบว่าข้อมูลส่วนบุคคลเพียงอย่างเดียวที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะมีการประมวลผลภายใต้สัญญาฉบับนี้คือข้อมูลติดต่อของคู่สัญญาและผู้มีอำนาจลงนามของคู่สัญญาแต่ละฝ่ายเท่านั้น ลูกค้ารับรองและรับประกันต่อ Aleph ว่าในการปฏิบัติสัญญาฉบับนี้ ลูกค้าจะไม่ส่งข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้กับ Aleph
14.2. ในการควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจะต้องทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลโดยเป็นเอกเทศต่อกัน ดังนั้น คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจะต้องกำหนดวัตถุประสงค์และวิธีการประมวลผลด้วยตนเอง
14.3. คู่สัญญาแต่ละฝ่ายต้องรับผิดชอบในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บภายใต้สัญญาฉบับนี้ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่บังคับใช้
ข้อ 15 – บทบัญญัติทั่วไป
15.1. การแก้ไขสัญญา Aleph อาจแก้ไขข้อกำหนดและเงื่อนไขของ Aleph ได้ทุกเมื่อโดยแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าสาม (3) วัน (การส่งอีเมลก็เพียงพอ) ก่อนที่การแก้ไขดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ ในกรณีนี้ ลูกค้ามีสิทธิ์ที่จะยกเลิกสัญญานี้ได้ทันทีและก่อนที่การแก้ไขจะมีผลบังคับใช้ หากลูกค้ายังคงสั่งซื้อโฆษณาต่อไปหลังจากที่การแก้ไขข้อกำหนดและเงื่อนไขของ Aleph มีผลบังคับใช้แล้ว ถือว่าลูกค้ายอมรับการแก้ไขดังกล่าว และให้การแก้ไขนั้นมีผลรวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียง (i) ข้อกำหนดหรือคำแนะนำที่กำหนดที่ Aleph ผูกพันต่อพันธมิตรทางการค้าใดๆ (ii) การเปลี่ยนแปลงรูปแบบราคา และ/หรือ (iii) การปรับตัวทางการค้าที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลง/การปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ นโยบาย และ/หรือข้อจำกัดในท้องถิ่น
15.2. เหตุสุดวิสัย มิให้คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องรับผิดในความล่าช้าหรือไม่สามารถชำระหนี้ตามสัญญาฉบับนี้ได้ หากเหตุดังกล่าวอันเกิดจากเหตุสุดวิสัยหรือเหตุการณ์ที่มิอาจคาดหมายได้ ในกรณีดังกล่าว คู่สัญญาฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจะต้องแจ้งให้คู่สัญญาอีกฝ่ายทราบในทันทีและต้องใช้ความพยายามทางการค้าอย่างสมเหตุสมผลเพื่อบรรเทาผลกระทบของเหตุการณ์ดังกล่าวในขอบเขตที่เป็นไปได้ ให้คู่สัญญาฝ่ายที่ได้รับผลกระทบกลับมาดำเนินการชำระหนี้อีกครั้งโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้หลังจากสาเหตุที่ก่อให้เกิดเหตุสุดวิสัยหรือเหตุการณ์ที่มิอาจคาดหมายได้หมดสิ้นไป
15.3. ความสัมพันธ์ระหว่างคู่สัญญา สัญญาฉบับนี้มิได้เป็นการเข้าเป็นหุ้นส่วน การสมาคม หรือการจ้างงานใดๆ ระหว่างคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย หรือระหว่างคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกับพนักงานของคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง
15.4. การไม่จำกัดสิทธิในการเข้าทำสัญญา มิให้สัญญาฉบับนี้เป็นการเป็นป้องกันหรือจำกัดสิทธิคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายในการเข้าทำสัญญาในลักษณะเดียวกันกับบุคคลภายนอก
15.5. การโอนสิทธิแห่งสัญญา มิให้มีการโอนสิทธิในสัญญาฉบับนี้ให้แก่บุคคลภายนอก เว้นแต่จะมีการตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรกับคู่สัญญาอีกฝ่าย
15.6. ความตกลงเบ็ดเสร็จ ให้สัญญาฉบับนี้ และคำสั่งโฆษณา ซึ่งอาจมีแก้ไขเพิ่มเติมเป็นครั้งคราวโดยคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย เป็นบทสรุปความเข้าใจทั้งหมดระหว่างคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย และให้มีผลเข้าแทนที่การแสดงเจตนา ความเข้าใจ หรือข้อตกลงใดๆ ที่เกิดขึ้นแล้วหรืออยู่ระหว่างการดำเนินการของคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับสัญญาฉบับนี้ และมิให้อ้างจารีต ประเพณี หรือแนวปฏิบัติระหว่างคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย และ/หรือ ในทางการค้าใดๆ เพื่อแก้ไข ตีความ เพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดแห่งสัญญาฉบับนี้ในทางใดทางหนึ่ง
15.7. ความเป็นเอกเทศของข้อสัญญา หากข้อสัญญาใดของสัญญาฉบับนี้ตกเป็นโมฆะหรือไม่สามารถบังคับใช้ได้ด้วยเหตุใดก็ตาม ให้ถือว่าข้อสัญญาดังกล่าวจะถูกตัดออกไปจากสัญญาฉบับนี้ และให้ข้อสัญญาที่เหลือจะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปดังเดิม และหากจำเป็น ให้ถือว่ามีการแก้ไขสัญญาฉบับนี้ในขอบเขตที่เป็นไปได้ เพื่อยังให้สัญญาฉบับนี้ยังบรรลุวัตถุประสงค์แห่งสัญญาต่อไป
15.8. การละเว้นการดำเนินการ การไม่กระทำการหรือการละเว้นกระทำการของคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ณ เวลาใดๆ ในการอ้างสิทธิ เรียกร้อง ร้องขอ ฟ้อง หรือบังคับให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งดำเนินการชำระหนี้ ไม่ให้ถือว่าเป็นการโอนสิทธิ สละสิทธิ์ หรือละทิ้งการบังคับใช้สิทธิดังกล่าวในอนาคต
15.9. การบอกกล่าว การติดต่อสื่อสารระหว่างคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะดำเนินการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยส่งไปยังที่อยู่และ/หรือที่อยู่อีเมลตามที่ระบุไว้ในตารางข้อมูล (Information Table) ในกรณีที่คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตัดสินใจเปลี่ยนที่อยู่หรือที่อยู่อีเมล ให้คู่สัญญาฝ่ายนั้นจะต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าอย่างน้อย 2 (สอง) วันไปยังคู่สัญญาอีกฝ่าย
15.10. ภาษาแห่งสัญญา คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายรับทราบว่าสัญญาฉบับนี้อาจมีการแปลเป็นภาษาอื่น อาจมีการแปลสัญญาฉบับนี้ได้หากจำเป็นต่อกระบวนทางปกครองในหน่วยงานของรัฐ กระบวนการระงับข้อพิพาท เมื่อมีการร้องขอจากบุคคลที่สามตามที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายเห็นชอบเป็นลายลักษณ์อักษร และ/หรือ ตามที่กฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงว่าสัญญาที่ผ่านการแปลแล้วจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่แห่งสัญญาฉบับนี้ ในกรณีที่สัญญาฉบับภาษาอังกฤษและฉบับแปลขัดแย้งกันให้ใช้ฉบับภาษาอังกฤษเป็นหลัก และถือว่าฉบับแปลได้รับการแก้ไขให้สอดคล้องกับฉบับภาษาอังกฤษ